C’est Bon

แด๊ดดี้ มามี้ จะพาผม ไปเที่ยวยุโรป โดยที่สำคัญคือพา คุณตา คุณยาย ไปเที่ยว Cruise Mediterranean ตอนที่คุณตา คุณยาย ยังแข็งแรง

คุณยายผ.อ.รพ. และน้านิก ไปได้เฉพาะช่วงวันจักรีและสงกรานต์ เพราะงานเยอะและสำคัญมาก แต่ช่วงนั้นเป็นช่วง Easter Weekend ของฝรั่งพอดี คนไปเที่ยวเยอะมากครับ โรงแรมหายาก แพงด้วย

ทริปนี้จะเป็นทริปโหด เพราะว่าเริ่มต้นที่ California โดย คุณปู่ คุณย่า คุณอาตาล อาจาว อาบิ๊ก และพี่บอนเน่ น้องเควิน จะมาเยี่ยมเราที่บ้านใหม่ของพวกเราใน San Jose

แล้วก็จะไปเที่ยวกันต่อที่ ดิสนีย์แลนด์ ซีเวิลด์ ที่ San Diego จบทริปกับคุณปู่ คุณย่า วันที่ 29 มีนาคม

แต่เราจะมีเวลาหนึ่งอาทิตย์เป็นช่องว่าง เพราะว่า Cruise ที่จะพาคุณตา คุณยาย น้านิก ไปนั้น ออกจากท่า Marseille ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 6 เมษายน

ตอนแรกมามี้ก็ห่วงว่าจะเดินทางเยอะจังเลย … เพราะต้องบินจาก San Diego กลับมาที่บ้านเรา ห้าวัน แล้ว บินไปยุโรปอีก  … “กลัว น้องฟ้าใส จะไม่สบาย”

องค์หญิงหมูคนงาม

แด๊ดดี้ก็เลยเสนอว่า ขึ้นเครื่องจาก LA ไป ยุโรป เลยดีกว่า ขึ้นเครื่องใหม่เอี่ยม A380 ของ Air France ไปเลย แล้วก็ไปเที่ยวรอ Cruise ออก แทนที่จะเที่ยวหลัง Cruise

แผนแบบนี้ดี เพราะว่า ตอนจบ Cruise เราก็กลับบ้านได้เลย เพื่อมาเจอคุณปู่ คุณย่า ที่จะไปเที่ยวอเมริกาใต้ แล้ว กลับมาหาพวกเราที่บ้านที่ San Jose อีกครั้งในวันที่ 15 เมษายน (งงมั๊ยครับ)

ตอนแรก มามี้ เป็นห่วงพวกผม เห็นว่าเที่ยวยาว 3 อาทิตย์ จะนานเกินไปสำหรับเด็ก กลัวเด็กจะคิดถึงบ้าน

พวกผมน่ะ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชอบเที่ยวมากเลย ส่วนน้องฟ้าใสก็แข็งแรง เห็นหน้าหวานๆอย่างนี้ บึกบึนไม่ใช่เล่น ชอบไปเที่ยวเหมือนกัน ถึงแม้น้องฟ้าใส จะร้องไห้ทุกครั้งที่นั่งรถ ร้องยาวและดังมาก จนผมต้องอุดหู ก็เถอะ

ผมตื่นเต้น อยากไปดู London Bridge กับ Avignon Bridge จากเนื้อเพลงที่ผมร้องประจำจากในเกมส์ที่มามี้ทำ  แต่ มามี้ ดูแล้ว ตั๋วไป อังกฤษ มันไม่พอดี และก็ต้องทำวีซ่าแยกต่างหากด้วย

ถ้าแวะ ปารีส ก็จะลงตัว ตั๋วก็ถูก มามี้ แด๊ดดี้ ชอบปารีสมาก โดยเฉพาะตรงริมแม่น้ำเซน แถวๆ Notre Dame และก็อยากไป Montmartre ด้วย

แต่ แด๊ดดี้ มามี้ ยังจำได้อยู่เลยว่า ปารีส ผู้ร้ายเยอะ ไม่เหมาะกับเด็กอย่างผม ไม่อยากไปเที่ยวที่ที่ต้องคอยบอกให้ผมระวังคนอยู่เสมอ

“ขึ้นรถไฟใต้ดินที มีคนมาดึงๆกางเกงโอ๊ต แล้วอีกคนกระชากถุงของมิ้งค์ไปไง” แด๊ดดี้ กับ มามี้ คุยกัน

“เค้ากระชากถุงไป แล้วแด๊ดดี้วิ่งไล่ตามสุดชีวิตเลยล่ะ”  มามี้เล่า โดยผมตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ เรื่องตื่นเต้นแบบนี้ล่ะ ผมชอบฟังนัก

“นึกว่ามันเอานาฬิกามิ้งค์ไปนี่” แด๊ดดี้ตอบ

“นึกว่ามันเอากระเป๋าตังค์โอ๊ตไปซะอีก ถึงวิ่งตามซะขนาดนั้น” มามี้แซว

“เค้าคงนึกว่าได้ของมีค่ามากล่ะสิ แด๊ดดี้วิ่งตามขนาดนั้น ท้ายที่สุด ในถุงนั้นก็มีแค่ครัวซอง ครึ่งชิ้นเอง แต่มันอร่อยมากนะ :)” มามี้เฉลย ทำเอาผมหัวเราะใหญ่ ตลกจังเลยครับ ขโมยคงเซ็งไปเลย

มามี้บอกว่าจะพาผมไปเมืองที่มีเรือเยอะๆ ไม่มีรถ มีแต่เรือ กับสะพาน แทน ผมตื่นเต้นอยากไปมากเลยครับ

แด๊ดดี้ มามี้ ตกลงจะไป ลงที่ เวนิส เมืองโปรด อยู่เที่ยว 4 คืน แล้วก็จะมาฝรั่งเศสต่อ เพื่อมาขึ้น Cruise ที่เมือง Marseille ทางใต้ของฝรั่งเศส

เมื่อเราตัดสินใจจะไป เวนิส กันแล้ว แด๊ดดี้ มามี้ ก็ซื้อตั๋ว Lufthansa เครื่อง 747-800 ซึ่งตอนแรกเห็นว่า 747 ก็จะไม่เอาแล้ว ไม่เอาเครื่องเก่า เห็นแด๊ดดี้ว่านั่งแล้วทรมาน อากาศก็ไม่ดี แต่โชคดี มามี้เปิดเห็นว่ามัน 747-8 ไม่ใช่ 747-4 นะ   โดยเจ้าเครื่อง 747-800 เนี่ย เป็นเครื่องใหม่ล่าสุดของ Lufthansa ทีเดียวเชียว

เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินแล้ว มามี้ก็หาโรงแรม

“เอาฮิลตั้น ที่เราไปพักคราวที่แล้วเลยนะ ห้องใหม่ วิวสวยมากเลย” แด๊ดดี้สั่งใหญ่เชียว

“จริงด้วย…ไหนดูซิ เอ ห้องที่เราไปพักคราวที่แล้วน่ะ เราโชคดี ห้อง 607 เค้า upgrade ให้เรา เป็นห้อง Executive with View เชียว ราคาคืนละ 600 กว่าดอลล์” มามี้เริ่มจะจ๋อย ท่าทางเกินงบ

“แล้วคราวนี้เราไปกัน 4 คน สงสัยต้องห้อง Suite ละมั๊ง ไม่งั้นจะนอนกันยังไง อ้าว… Junior Suite มีเหลือแค่คืนเดียวเอง”

“ฮิลตั้น อยู่บนเกาะ Guidecca ต้องนั่งเรือเข้าไปที่ Zattere คราวที่แล้วเราชอบมาก แต่คราวนี้น้องฟ้าใส ต้องนอนกลางวัน วันละ 2-3 สามรอบ แล้วตอนน้องนอน เรา (โดยเฉพาะจอนจอน) จะทำอะไรกันล่ะจ๊ะ” มามี้ถามแด๊ดดี้

“อืมห์ นั่นสินะ แค่นั่งรอเวลานั่งเรือ shuttle ไป กลับ ก็หมดเวลาเที่ยวแล้ว แล้วเป็นห้องธรรมดาแบบนี้ ฟ้าใสนอน แล้วเราจะเสียงดังกันอยู่ในห้องก็ไม่ได้ ออกมาก็ไม่ได้อีก สงสัยไม่เหมาะแล้วล่ะ ไว้อีกหน่อยค่อยไป Hilton  กันใหม่ดีไหมจ๊ะ” แด๊ดดี้ลังเล

มามี้ เลย ลองหา Apartment ที่มีหลายห้อง ก็ไปเจอหลายที่ ที่ถูกใจ ตอนแรกแด๊ดดี้ มามี้ อยากได้ บ้านริมคลอง สวยมากๆ มีประตูโมเสกหลากสี นั่ง Water Taxi มาแล้วเปิดเข้าบ้านเลย ด้านหนึ่งเป็นห้องนั่งเล่น อีกด้านหนึ่งเป็นห้องนอน แต่เค้าตอบมาว่า เต็ม และก็ไม่รับเด็กด้วย

ที่นี่ผมชอบมาก บอกให้มามี้​ โทร.ไปถามเค้าอีก “Ask him if it’s available, mommy.”

แต่เห็นมามี้บอกว่า ที่สวยๆ ถูกใจมากๆ มักจะไม่รับเด็ก

“ก็เข้าใจเค้าแหละนะ ตอนเราให้เช่าบ้านที่ที่ พาโล อัลโต้ ก็ไม่รับเด็กเหมือนกัน กลัวทำบ้านเราพัง” แด๊ดดี้บอก

“อีกที่นึงอยู่ใน Palazzo  เก่า วิวดีมาก อยู่ตรงตำแหน่งที่คลองสามสาย ตัดกัน เห็นวิวกอนโดลา ดีมากๆเลยล่ะ  ว่างสองคืน แต่คนรีวิว บอกว่า เค้าจุกจิกนะ ต้องใช้ coasters ที่รองแก้ว ตลอด ห้ามลากกระเป๋าบนพื้นเค้าด้วย ของเค้า antique” มามี้บรรยายข้อดีข้อเสีย

“โห แบบนี้ จอนจอนเอารถไปไถๆ บนโต๊ะเค้าละ แย่เลย ไม่เอาดีกว่า ข้างในก็ดูเชยๆด้วย” ไม่ผ่านแด๊ดดี้อีกละ

แล้วมามี้ ก็เสนอ บ้านเก่าของ Tintoretto ศิลปินชื่อดังที่มีผลงานมากมายในเวนิส

“Ca’ Tintoretto อยู่ใน Cannaregio บ้านนี้อยู่ริมน้ำด้วย นี่ไง…มีอยู่ใน Wikipedia เลย…อยู่ห่างจากที่ฝัง Tintoretto แค่นาทีเดียวเอง”

“เอ…แต่จะมี บรื๋อ รึเปล่า?” มามี้ชักกลัว

“มันก็มีทุกที่แหละ” แด๊ดดี้ตอบแบบขำๆปนเอ็นดูมามี้

มามี้ผมนี่กลัวอะไรกัน ผมไม่กลัวบรื๋อหรอกครับ กลัวมอนสเตอร์ มากกว่า

“แต่อยากได้ Ca Del Fontego มากกว่านะ ข้างในสวยกว่า สไตล์อิฐๆ และก็เพดานมี wooden beam ด้วย สวยจัง” แด๊ดดี้บอก

วิวสวย ห้องสวย

แด๊ดผม ต้องการ 1. ติดน้ำ เห็นวิว โดยเฉพาะ Grand Canal 2. ชั้นหนึ่ง (ขี้เกียจแบกกระเป๋าขึ้นชั้นบน และไม่ชอบวิวมองลง ชอบมองระดับสายตา) ไม่งั้นต้องมีลิฟท์ (จะหาได้ไงเล่า บ้านเก่าๆในเวนิส มีลิฟท์ เนี่ยนะ) 3. ตกแต่งดี ใหม่ และ สวย  4. มีอะไรให้เดินเล่นใกล้ๆ 5. พื้นไม้

เราพิจารณากันอีกหลายอัน ทั้ง Miraculi ที่ตอนแรกไม่ว่าง แต่ตอนหลังว่างแล้ว และ ที่ห้องใหม่ๆสวยๆ สีเหลือง ห้องนอนฟ้า  มามี้ อยากได้ อยู่ในย่าน Accademia Bridge / Dorsoduro

ในที่สุด Ca Del Fontego ก็ตอบมาว่าห้องว่าง และเด็กเบบี๋โอเค (แต่ผม ไม่เบบี๋ แล้วนะครับ)

แด๊ดดี้ชอบมาก เพราะผ่านเกณฑ์ 1-4 ก็เลยเอาเลย โชคดีอยู่ติดกับ Museum of Natural History มีซากไดโนเสาร์ ให้ผมไปดูเล่นๆด้วย จบเรื่องที่นอนในเวนิสไป (มามี้ optimize ซะ มึนตึบ ไปเลย)

หลังจากเวนิส เราก็จะเที่ยวโพรวองซ์  3 คืน มามี้จองตั๋วเครื่องบิน หาที่พัก ทั้งที่ Avignon และ Aix-En-Provence

“โพรวองซ์ มันร้อน ไม่เอาดีกว่า เป็นตึกหินๆ แดดแรงๆ ขึ้นภูเขา เราก็จะไปเที่ยว Southern California กันก่อนตั้งอาทิตย์นึงแล้ว Cruise Mediterranean ก็ไปแต่ที่ร้อนๆ อยู่แล้วด้วย” แด๊ดดี้กลัวร้อน (กลัวต้องแบกผมกับน้องฟ้าใสขึ้นภูเขาล่ะสิ)

ที่สำคัญ ผมน่ะ เที่ยวที่หนาวขนาด Calgary -20c ก็ไม่เป็นไร แต่ไปเที่ยวที่ร้อนแล้ว ป่วยทุกที

“อ้าว แต่อุตส่าห์ ขึ้่นเรือที่ Marseille แต่จะไม่เที่ยว โพรวองซ์ มันจะไม่แปลกๆเหรอ?” มามี้แย้ง

“ว่าจะไปหาหนัง A good year  กับ Count of Monte Cristo มาดูใหม่นะเนี่ย จะได้ได้บรรยากาศ แต่ความจริงก็อยากไปที่สวยๆ แบบ ควิเบค อีกน่ะ ถ้าถามคนฝรั่งเศสว่า เมืองไหนของเค้าสวยเหมือน ควิเบค (แคนาดา) เค้าจะโกรธมั๊ยเนี่ย…” มามี้พูดไปเรื่อย ความสนุกของมามี้ก็อยู่ที่ตอนเลือกด้วยแหละ

“ไม่ต้องเสียดายหรอกจ้ะ ถ้าเรือไม่ได้ออกที่ Marseille แล้ว อยู่ดีๆ เราจะไป Aix มั๊ย … คงไม่ไปหรอกเนอะ … ถ้างั้น ไปที่ๆอยากจะไปดีกว่า ไป Annecy กันดีกว่า” แด๊ดดี้เพิ่มความมั่นใจ ในการทิ้งตั๋วเครื่องบิน

“แล้วคราวหน้าค่อยไปปารีสกันสองคนนะ ฝากคุณย่าเลี้ยงหลานให้หน่อย” แด๊ดดี้เสริม … แหม วางแผนไปเที่ยวกันสองคนเชียว ผมไม่ยอมหรอกครับ

แด๊ดดี้ มามี้ ตัดสินใจ ทิ้ง ตั๋วเครื่องบิน Venice-Marseille ไป ร้อยกว่ายูโร

หนูช่วยเลือกนะคะ...

เปลี่ยนไป Annecy ซึ่งเป็นเมืองโรแมนติคในหุบเขาแอลป์ กันแทน เมืองนี้ได้รับนามว่า Venice of the Alps  แด๊ดดี้ มามี้ แปลกนะครับ จะไปแต่ Venice

มีโรงแรมที่ดีมาก อยู่ริมน้ำ แต่ ไม่มีห้องนอนแยกต่างหาก จากห้องนั่งเล่น แด๊ดดี้ มามี้ จำได้ว่า ตอนไป Sheraton Suite ที่ Calgary สบายกว่า ไปอยู่ Westin Calgary มาก เป็นเพราะว่ามีพื้นที่มากขึ้น

เพราะงั้นมามี้ก็เลยพยายามหาอพาร์ตเม้้นต์ อีกตามเคย

เกณฑ์แด๊ดดี้ก็เหมือนเดิม … หายากนะครับ … มามี้บอกว่า สงสัยต้องทำใจ ไม่มี ลิฟท์ ล่ะ  ตึกหลายร้อยปี ถ้าไม่ใช่โรงแรม จะหามีลิฟท์ได้ยากนะครับ

ทริปนี้ แด๊ดดี้ มามี้ พยายามเลือกทางที่เหมาะสมที่สุด สำหรับพวกเรา แต่จริงๆแล้วผมคิดว่า อะไรๆ ก็ดีทั้งนั้นแหละ เพราะผมทำอะไรก็สนุกตลอด และท้ายที่สุด ไปแล้วจะดีหรือไม่ดี ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเราด้วย (execution) ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการวางแผนให้ดี (planning) เสมอไป

มามี้บอกว่า ถ้าเราทำใจให้สนุก ทำทุกนาทีให้ดีที่สุด ยังไงก็น่าจะสนุกครับ ความสุขจากการไม่ได้คาดหวังอะไรในการไปเที่ยว เผลอๆ อาจจะมากกว่า เวลาเราตั้งใจวางแผนเป็นอย่างดีก็ได้

สำหรับผม  อะไรๆก็ C’est Bon เหมือนที่ผมเคยปลอบมามี้ว่า It’s gonna be good, mommy. It’s gonna be good.

This entry was posted in Blog ภาษาไทย, Travel ท่องเที่ยว. Bookmark the permalink.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *