Epstein-Barr Virus ตัวแสบ

21 Months

เมื่อวันอาทิตย์ผมเป็นไข้สูงครั้งแรกในชีวิต มามี้กับแด๊ดดี้ก็เลยรีบพาผมไปหาหมอที่ PAMF Urgent Care ซึ่งคุณพยาบาลที่รับโทรศัพท์บอกว่า ถ้ามาภายใน 5 นาที ก็จะได้ตรวจ

พอไปถึง คุณหมอผู้หญิงท่าทางอยากกลับบ้านเต็มที วัดนิดๆหน่อยๆแล้วก็บอกว่าสงสัยจะเป็นไข้หวัด ให้ผมกลับบ้านไป ถ้าอีกสี่วันยังไม่หายค่อยมาใหม่

ผมก็ตัวร้อนๆอุ่นๆไปเรื่อยๆ (วันที่ไปเที่ยวกับคุณย่า คุณย่าบอกว่าไม่ร้อน)

 

เริ่มเข่าอ่อน

 

ลูกพี่ไปป่วยหนักที่ Disneyland (พยายามลืมตาแต่ลืมไม่ขึ้น หลับทุกสถานการณ์)

 

 

 

Disney First Aid ส่งรถมารับ

ลูกพี่ขึ้นเครื่องบินกลับ ขอให้ปิดหน้าต่าง close close window

ลูกพี่ไป Stanford Hospital อยู่ Pediatric ER (ในที่สุดก็กลับมาตายรังที่ Stanford)

อยู่ ER 14 ชม. หมอไม่ให้กลับบ้าน ด้วยผลตรวจหลายๆอย่างไม่ค่อยดีและผมก็กินน้ำไม่ได้เลย

นั่งดูวีดีโอ Cement Mixer Truck ค่อยมีแรงขึ้นหน่อย

ต้องนอนรพ. แต่ต้องรอห้องอีกนานมากๆเลยครับ ตอนห้าทุ่มเค้ามาเข็นไปละไปอยู่ห้องคู่ แต่แล้วก็เข็นกลับ บอกว่าเปลี่ยนห้อง…หาห้องเดี่ยวให้ผมได้ละ…กว่าจะได้เข้าห้องอีกทีก็ตี 1 เชียว

ลูกพี่กลัวหมอกับพยาบาลมาก ใส่หน้ากากอะไรกันน่ะ น่ากลัวจัง

มาทีไรลูกพี่หมดสนุกทุกที NO NO NO NO

เริ่มจะนั่งสงบๆบนตักมะ บางทีก็กำลังแทะ โอโจ้ อยู่ อย่างเพลินๆ อุตส่าห์ยิ้มให้พยาบาล ก็มาจับผมเจาะอีกละ

เจาะก็ไม่ค่อยได้ ต้องเจาะใหม่หลายรอบ I got poked many many times.

X-Ray ก็ต้องหลายรอบ

พยาบาล & เจ้าหน้าที่ มีพลาดเยอะนะครับ สงสัยงานจะเยอะจัด

ลืมให้ยาบ้าง เอาเลือดไปไม่พอบ้าง X-Ray ผิดบ้าง ลืมสั่ง Lab Tests ตามที่หมอสั่ง จนผ่านไปหลายชั่วโมงแม่ผมถามว่าเมื่อไหร่จะมานะ เค้าถึงตกใจว่ายังไม่มี order เลย แถมจดว่าผมสูงแค่ 47cm เตี้ยกว่าตอนเพิ่งเกิดซะอีก (ตอนเกิดสูง 49cm)

แต่ก็มีพยาบาลบางคนที่ดีมากๆ ทำเหมือนผมเป็นคนไข้คนเดียวของเค้าเลย นี่ครับพยาบาลที่ดูแลผม

สังเกตุว่าพยาบาลที่ดีมากๆทุกคนนี่เป็นผู้ชายทั้งนั้น แด๊ดดี้คิดว่าอาจจะเพราะผู้ชายที่มาเป็นพยาบาลคงใจรักจริงๆ ก็เลยทำดี

ไม่อยากจะ stereotype เลย แต่หมอผู้ชายเชื้อสายเอเชียนี่จะเก่งและดีทุกคน ส่วนหมอผู้หญิงเชื้อสายเอเชียเท่าที่แด๊ดกับมะเจอมาไม่ค่อยดีเลยอะครับ วินิจฉัยผิดตลอด ไม่ขยันด้วย ทักษะในการฉีดยาก็ไม่ค่อยจะดี  หงุดหงิดง่ายอีกตะหาก (ยกเว้น Dr. Christine Hung คนโปรดคนเดียว)

 

หลังจากลูกพี่ดึง IV หลุด รอพยาบาลมาใส่อันใหม่

ลูกพี่ก็เลยได้เดินเล่นสบายๆแบบไม่มีสายระโยงระยาง

ลูกพี่เริ่มดีึขึ้นแล้ว มีความสุขมาก

ลูกพี่เดินได้แล้ว ว่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ (ดึงสาย IV ออกเอง เลยได้ปล่อยออกมาเดินแป๊บนึงก่อนจะต้องกลับไปโดนเจาะใหม่ แง….)

กินข้าว Tomato Rice ก็ได้

ลูกพี่คนเดิมใกล้จะกลับมาแล้ว ฮ่ะฮ่ะฮ๋ะ

ดูหน้าลูกพี่ซะก่อน บวมเท่ไม่มีใครเกิน มะคิดว่าหน้าบวมแบบนี้ก็ตลกจี้เส้น ถ้าไม่นับว่าผมทรมานขยับหน้าไม่ค่อยได้ ลืมตาไม่ขึ้น ก็ชอบแบบนี้เหมือนกัน  เห็นทีไรก็ตลก ขำดี  (=_=)

(มะคุยกับแด๊ดว่า ถ้าให้ลูกพี่ใส่ชุดรพ.ที่เหมือน Flintstone แบบนี้ นั่งรถเข็น ออกไปข้างนอก ลูกพี่คงยิ้มตาตี่ มีความสุขสุดๆ ตลกน่าดู…ลูกพีี่ได้ออกมาข้างนอกแล้ว…)

 

กลับมาตอนเช้า…ห้องว่างเปล่า

“ลูกเราหายไปไหนแล้วล่ะ?” แด๊ดถามพร้อมกับสั่งให้มะรีบไปถามพยาบาล “ด่วน ด่วน ด่วน ด่วน” (แล้วตัวเองไม่รีบด่วนไปถามละ :p)

ลูกพี่ถูกแยกขัังเดี่ยวเป็นลิงในห้องแล็บ

ใครๆที่เข้าห้องลูกพี่ก็ต้องใส่เสื้อคลุมอันใหม่กับหน้ากากอันใหม่

พอออกไปก็ทิ้งทันที

 

ยาเยอะมาก

 

เรื่องคอบวมหมอมาบอกว่าให้ X-Ray อีกทีสิ ก่อนจะต้องไป CT-Scan ซึ่งต้องให้ยาสลบ เพราะผมต้องนอนนิ่งๆนานมาก

 

ในที่สุดหมอก็กลับมาบอกว่า…เมื่อวาน X-Ray ผิดเด้อ…

ตอนนั้นผมแอ่นหลังและหายใจออกพอดี คอเลยดูบวมหนาเหมือนมีอะไรอยู่ด้านใน

คราวนี้โอเค ปกติละ…โฮ่ย…ตกใจหมด

 

ความจริงหน้าบวมตาบวมนี่…มันจะเป็นติดเชื้อจริงรึเปล่า…

หรือลูกพี่คูก๊กตง ก็หน้าตาคูก๊กตง สั่งตรงมาจากกวางโจวแบบนี้แหละ มันก็ตี่ๆตี๋ๆมาตั้งแต่เกิดแล้ว

ร้องไห้เข้าหน่อยก็บวมตุ่ย  ส่วนแก้มผมมันก็ตุ่ยอยู่แล้ว…???

 

คุณปู่คุณย่ากำลังเที่ยวอยู่ที่ชิคาโก พอเห็นอีเมล์เห็นหน้าผมบวมตุ่ยอยู่รพ. ก็อุตส่าห์แคนเซิลตั๋วเครื่องบินเก่า ซื้อตั๋วใหม่บินกลับมาหาผมที่รพ. Lucile Packard เลย

คุณปู่คุณย่าผมรักแด๊ดดี้มากและก็เอ็นดูมามี๊มากด้วย

คุณย่ามาช่วยทำโน่นนี่ มามี๊นั่งยังไม่ติดเก้าอี้ คุณย่าก็เอาอะไรมาป้อนอีกละ

ตอนคุณปู่กับคุณย่ากลับไป ผมเห็นปู่ปู๊กับแด๊ดดี้กอดกัน พอกลับเข้าบ้านมาแด๊ดดี้ก็น้ำตาไหลใหญ่

 

Lastly,

The nurses said I was really smart…I outsmarted the nurses by pretending to sleep when they came in to do more tests so that they would say … “Oh he’s sleeping. I’ll come back later when he wakes up.” (ha ha ha ha ha — Dr. Lloyd laughed so much when he learned of my trick.)

 

How did I get that sick?

Pupu~ thought that it’s because I went to Disneyland and I got too excited…

Mommy’s theory is that I was so sad that pupu~ and yaya’ left that I fell ill. Then when pupu~ and yaya’ came back I had a miraculous recovery. Daddy really bought this theory.

In fact, it’s just that, in rare circumstances,  some kids can get really sick from the EBV.

 

This entry was posted in Blog ภาษาไทย, English. Bookmark the permalink.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *