น้องฟ้าใสที่รักมาแล้ว…

น้องเบบี้โฮป ได้ฉายาว่าเป็นจอมอึด เพราะตอนแรกน้องจะคลอดตั้งแต่ 35 สัปดาห์

แต่คุณหมอแฮมิลตั้นให้มามี้กินยา และ นอนพัก

เนื่องจากได้คุณปู่คุณย่ามาช่วย มามี้ก็เลยได้นอนพักเยอะ

ผลก็คือมดลูกหยุดบีบตัว กลายเป็นสบายตัว กระฉับกระเฉงมากๆเลย

คุณหมอบอกตั้งแต่ 37 สัปดาห์กว่าๆว่า คลอดภายในอาทิตย์หนึ่งแน่ เพราะปากมดลูกเปิดเกือบสองเซ็นต์แล้ว

แด๊ดดี้อยากให้คุณปู่คุณย่าได้อยู่อุ้มหลานตั้งแต่ห้องคลอดสมใจ ก็เลยชวนมามี้ไปทะเล ทั้ง Monterey Aquarium, Santa Cruz และไปเดินช้อปปิ้ง Costco, Mitsuwa, Marshall’s, JCPenney, Stanford Shopping Center, Mall, เล่น Wii, balance ball, วิ่งเหยาะๆ, และกินสารพัดอาหารและผลไม้ที่เค้าว่าจะช่วยให้คลอด เพื่อให้คลอดตอนครบ 38 weeks

แต่น้องก็ยังอยากอยู่กับมามี้ ไม่อยากออกมา

ตอนเกือบ 38 สัปดาห์ คุณหมอก็ยังบอกว่า ก็เปิดเท่าๆเดิม แต่บางลง คงคลอดอีกภายในอาทิตย์นึง (อีกแล้ว) สิ่งเดียวที่ทำได้คือนัดคลอดตอน 39 สัปดาห์ เพราะกฏของรพ.ที่นี่คือห้ามนัดคลอดก่อน 39 สัปดาห์ … ถ้าจะก่อนนั้น ต้องคลอดเองคือ ปวดท้องทุกๆ 5 นาที ไม่ก็มี gush of water เท่านั้น

คุณปู่คุณย่าขับรถไปรอฟังผลอยู่ที่ Gilroy ก็เลยตัดสินใจกลับก่อน

แล้วคุณตาคุณยายน้านิกก็มา มามี้แด๊ดดี้พาไปช้อปปิ้ง ไป San Francisco Zoo ต่างๆนาๆ น้องก็ยังเกาะเหนียวแน่นเหมือนเดิม ทั้งๆที่ปากมดลูกบางไป 80% แล้ว และก็มีมูกเลือดตอน 38 weeks 1 day แล้วด้วย

คุณตาบอกว่า สงสัยน้องงอนละ ที่ตอนแรกจะออกมาแล้ว ไม่ให้ออก ตอนนี้เลยไม่ยอมออก ทั้งๆที่ถ้าอยู่เมืองไทย คุณตา (เป็นหมอสูติ) ให้คลอดไปตั้งแต่ 38 weeks แล้ว เพราะดิ้นน้อยด้วย

อีกสองวัน น้ำคร่ำรั่วซึมแบบน้อยๆ มามี้แด๊ดดี้ก็คิดว่าชัวร์ละ ถ้่าเกิดวันนี้วันที่ 3 กย. จะให้ชื่อ Trinity

ปรากฏว่าคุณหมอแฮมิลตั้นก็ยังบอกให้พยายามนอนต่อถึงเช้าก่อน วันถัดมาค่อยไปรพ.

ซึ่งพอไปถึง รพ.ก็ให้กลับบ้านไปก่อนอีก

บอกว่าให้มาคลอดวันถัดไป เพราะยังไม่ได้เป็นแบบถุงน้ำคร่ำแตกกระจาย ขนาดนั้น (ที่นี่ไม่ยอมให้คลอดจนวินาทีสุดท้ายจริงๆแฮะ…นี่เก็บกระเป๋ามาเก้อไม่ต่ำกว่า 3 รอบแล้วนะ)

ไม่ว่าน้ำจะรั่ว หนูก็จะอุดไว้ ไม่ออกหรอก

4 กย.

ตอนเที่ยงคืน มามี้รู้สึกปวดท่้อง เป็นพักๆ เหมือนที่เป็นอยู่ทุกคืน

(ซึ่งทุกทีพอพยายามนอนต่อไป ก็ตื่นมาหายปวด

จนคิดว่า ถ้านอนเตียงนี้ไปเรื่อยๆสงสัยจะไม่ได้คลอดซะแล้ว)

แด๊ดดี้ก็บอกให้พยายามนอนต่อไปถึงเช้า

เดี๋ยวเช้าค่อยออกไปคลอด

ไม่งั้นหมอต้องลงเหตุผลที่ทำ Induction (เร่งคลอด) ว่า Hypochondria (โรคคิดไปเอง) แน่ๆเลย

เพราะเราบอกหมอว่าจะคลอดแล้วหลายรอบแล้ว ไปถึงหมอก็บอกว่ายังไม่ใช่ ทู๊กที

สักพักมามี้ก็บอกว่านอนไม่ได้ล่ะ ไปจับเวลาดีกว่า ปรากฏว่าทุก 8 นาทีแฮะ สักพักเหลือ 5 นาที

แด๊ดดี้ก็เลยรีบโทร.หาดร.แฮมิลตั้นตอนตี 3 กว่า หมอบอกให้มาได้เลย

แต่งตัวเสร็จ พาลูกหมีจอนจอนลงไปฝากคุณตาคุณยายน้านิก ตอนนั้นปวดประมาณทุก 3-5 นาทีแล้ว

เราเลือกรพ.ไกลมากซะด้วย ขับรถประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง (ที่เลือกรพ.นี้เพราะว่าใหม่เอี่ยม ดูเหมือนโรงแรมมากกว่าโรงพยาบาล ก่อสร้างไป 600 ล้านดอลล์ ห้องคลอดและห้องพักดีมาก บริการก็ดีเหลือเชื่อ… เราจ่ายเท่ากัน ที่เหลือประกันจ่ายหมด ไม่ว่าจะคลอดที่ Stanford หรือที่ Mills-Peninsula ก็เลยเลือก Mills–Peninsula ดีกว่า)

ระหว่างทางขับไป มามี้ก็คิดว่า จะคลอดในรถมั๊ยน้อ…เพราะว่าปวดเหมือนตอนใกล้จะคลอดจอนจอนละ ไม่ใช่ตอนต้นๆแน่ๆ

พอไปถึงตีสี่กว่าๆ รพ.เงียบสนิท ทางเข้าปิด เค้าเขียนว่าต้องไปเข้าที่ ER … อยู่ไหนละเนี่ย…ไกลโขเลย เดินไปไม่ถึงแน่ๆ

แด๊ดดี้ก็เลยรีบวิ่งไปเอารถเข็นมาเข็นมามี้ไปห้องคลอดชั้นสอง โดยมียามนำทางไปให้

พอไปถึงห้องคลอด เค้าก็บอกว่า อ๋อนัดมาคลอดเช้านี้อยู่แล้วใช่มั๊ย งั้นให้เข้าห้องคลอดเลยละกัน

พอเปลี่ยนชุดนอนบนเตียงแล้ว พยาบาลก็ถามคำถามนู่นนี่นั่นอย่างใจเย็น เป็นร้อยๆคำถามเพื่อกรอกใส่คอมพิวเตอร์

ถึงแม้พยาบาลมาร์ลีนจะอัธยาศัยดีมากๆ

แต่ตอนนั้นมามี้ก็ไม่มีอารมณ์คุยเท่าไหร่ คิดแต่ว่า…ไม่ตรวจซักทีเนี่ย…จะคลอดอยู่แล้วนะคะ…

สักพักพยาบาลก็ใส่อุปกรณ์วัดหัวใจและการบีบตัวของมดลูก …

พร้อมกับพยาบาลอีกหลายคนที่ผัดเปลี่ยนกันมาช่วยกันใส่ IV เพื่อให้น้ำเกลือ

จิ้มไปทั้งหมด 5 รอบ ถึงจะสำเร็จ (จะทำคลอดกันรอดมั๊ยเนี่ย แค่ใส่น้ำเกลือยังแยงแล้วแยงอีกตั้ง 5 รอบ)

แล้วสวรรค์ก็มาโปรด ดร.แฮมิลตั้นมาถึงตอนประมาณตีห้านิดๆ มองกราฟปร๊าดเดียวก็บอก

“Oh! คุณอยู่ใน active labor จริงๆด้วย”

และก็ตรวจปากมดลูก

ปากมดลูกเปิด 5cm แล้ว

(นี่มัน super active labor แล้วนะเนี่ย ถึงว่า ปวดจัดๆโอดโอยๆ ตอนจอนจอนนั่นตอนไปรพ. ยังไม่ถึง 3cm เลย)

คุณหมอบอกว่าคืนนี้มารพ.เพื่อเราเลย เพราะเราถ่อมาหาหมอไกลมาก จากซาน โฮเซ่ ทีเดียวเชียว (หมอที่ทำคลอดจอนจอน โผล่มาแค่ตอนเช้า กับตอนวินาทีที่คลอด)

จากนั้นมามี้ก็ขอยาแก้ปวด ซึ่งพยาบาลบอกว่า

ไม่ด้าย…

คุณใกล้คลอดเต็มทีแล้ว เดี๋ยว narcotic มีผลต่อลูก … ต้องเจาะเลือดรอผลเลือดและก็ค่อยทำ epidural แล้วกัน ภายใน 7 โมงเช้านี่แหละ

โอ้ว อีกตั้งชั่วโมงกว่า ป่านนั้นอาจจะคลอดไปแล้วอะค่ะ คุณพยาบาล

พอคุณหมอแฮมิลตั้นมาถึง ก็เลยจัดการโทร.ไปหาหมอ epidural บอกว่า มามี้สุขภาพดีมากทุกประการ มาทำได้เลย ไม่ต้องรอผลแล็บแล้ว (เฮ้)

ดร.แฮมิลตั้นแซวว่า ไม่งั้นต้อง go completely natural childbirth แล้วล่ะ (ซึ่งมามี้กลัวที่สุดในสามโลก) ตอนนั้นมามี้กำลังปวดจนมึน ฟังแล้วไม่รู้ว่าหมอพูดเล่น นึกว่าพูดจริง จนแด๊ดดี้ต้องมาปลอบ =)

Epidural

พอคุณหมอที่จะทำ epidural มา

มามี้ก็นึกว่าจะสบาย หึ หึ หึ

เพราะดร.แฮมิลตั้นรับประกันว่า ที่รพ.นี้เป็นหมอมีประสบการณ์ทุกคน

ไม่เหมือน Stanford ที่เป็น resident การคลอดครั้งแรกของมามี้เลยทำ Epidural ไม่สำเร็จ

ปรากฏว่า การฉีดรอบที่หนึ่ง…ไม่เข้า

รอบที่สอง…ก็ไม่เข้าอีก

ดร.แฮมิลตั้นก็มาช่วยจับเองเลย ทั้งหมอทั้งพยาบาล ทั้งแด๊ดดี้ มะรุมมะตุ้ม

ช่วยกันบอกให้มะทำตัวงอๆ the worst posture ever (ท่าเหี่ยวๆที่พ่อแม่สอนนักหนาว่าอย่าทำ อย่าห่อไหล่ อะไรประมาณนั้น)

ตอนทำหมอก็บอก จะมามัวรอ contraction หยุด ไม่ได้หรอก ไม่งั้นไม่ได้ทำพอดี ทนไปละกัน

ทำไปหมอก็ดุไป (แต่ดร.แฮมิลตั้นรับผิดแทนให้ บอกว่าหมอขยับเองแหละ ไม่ใช่คนไข้ขยับ แหะ แหะ)

ทำยังไงก็ไม่สำเร็จ…ต้องเปลี่ยนเป็นท่านอนตะแคง…

(ตอนนั้นคิดในใจว่า…ทำไมมันยากงี้เนี่ย

สงสัยจะต้องคลอดแบบธรรมชาติปราศจากยาแก้ปวดซะแล้ว เซ็งเลย)

ในที่สุด หมอก็บอกว่าเข้าละ จะฉีดยาเย็นๆเข้าไปละนะ

รอๆไป คุยไปเรื่อยๆ ปวดๆพอมันส์ๆ

แล้วดร.แฮมิลตั้น กับ แด๊ดดี้ก็ถามอะไรบางอย่าง (ที่ตอนนี้จำไม่ได้แล้ว)

มามี้ก็บอกประมาณว่า ตอนนี้ยังไม่รู้สึกอะไรเลย

หมอกับแด๊ดดี้ก็หัวเราะบอกว่า “นั่นน่ะ เพิ่งมี HUGE contraction เลยนะ ยูต้องปวดสุดๆ นี่แปลว่ายาออกฤทธิ์แล้ว”

อะ​​ โฮ่ย Epidural มันเวิร์ค ขนาดนี้เลยรึ … สบายละทีนี้

แต่ปัญหาก็คือ สักพัก ยามันเวิร์คแต่ข้างขวา ที่ไม่รู้สึกอะไรเลย

แต่ข้่างซ้ายยังรู้สึกเจ็บปกติทุกประการ

ตอนนั้นแด๊ดดี้ปลอบใจว่า อย่างน้อยก็เจ็บน้อยลงครึ่งนึงละนะ

อยากจะบอกว่า ไม่จริงง่า…

ถ้าทั้งสองข้าง เจ็บน้อยลงครึ่งนึง อะ โอเค

แต่ข้างขวาไม่เจ็บ แต่ข้างซ้ายเจ็บร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่ไม่ค่อยช่วยอะไรเลยนะ

หมอ epidural ก็เลยบอกให้นอนตะแคงซ้าย ให้ยาไหลไปทางซ้าย (ซึ่งเวิร์ค)

แล้วคุณหมอแฮมิลตั้นก็เจาะ ถุงน้ำคร่ำ

แล้วคุณหมอก็ปักหลักนั่งคุยอยู่ในห้องคลอดนั่นแหละ

แด๊ดดี้มามี้ก็คิดว่าคุณหมอนี่อัธยาศัยดีจัง นอกจากจะมาตั้งแต่ต้น และช่วยทำทุกขั้นตอนแล้ว

ยังจะนั่งคุยเป็นเพื่อนอีก

คุยไปเรื่อยเปื่อยว่าคุณหมออายุ 67 แล้ว มีลูกกี่คน หลานกี่คน แต่งงานมากี่ปี มีอีกบ้านไว้พักผ่อนที่เลคมิชิแกน ชอบเล่น วินเซิร์ฟ กับหลานชายฝาแฝด ทำคลอดมากว่า 4000 คนแล้ว และหยุดนับมาแปดปีแล้ว

และเราจบที่ไหน ทำงานอะไร คุยเรื่องคุณตาที่เป็นหมอสูติเหมือนกัน คุยจนมามี้รู้สึกว่า …

​เอิ่ม…ขอนอนพักหน่อยนะคะ…อยากจะเก็บแรงไว้คลอดอะค่ะ …

แต่ด้วยความเกรงใจ เลยบอกคุณหมอว่า

“คุณหมอไม่ต้องมานั่งรอหนูคลอดก็ได้นะคะ…เชิญไปงีบหลับก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาก็ได้ค่ะ”

แด๊ดดี้ก็ยิ้มแบบว่า “ใช่เลย ใจตรงกันเลย” (แด๊ดบอกว่า อยากจะนั่งคุยสวีท สองคน ก่อนคลอดซะหน่อย)

คุณหมอเลยบอกว่า “I doubt it.” พร้อมเหลือบตาไปมองกราฟ แล้วบอกว่า มี sign ว่า progress มากแล้วล่ะ

แล้วลงมือตรวจอีกครั้ง…

“You’re fully dilated.” มามี้แด๊ดดี้ก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง…

“อะไรนะคะ/ครับ?”

“You’re 10cm!” เอ้าเตรียมคลอดได้

แต่แล้วคุณหมอก็พึมพำกับพยาบาลว่า

“… (อะไรซักอย่าง) not the baby, … I hope.”

ตอนนั้นมามี้แด๊ดดี้ก็ตกใจเล็กน้อยพร้อมๆกัน อะไร ที่หมอหวังว่าไม่ใช่ลูกเรานะ …​มีอะไรผิดปกติเปล่า

แล้วหมอก็เอาเครื่องวัดการเต้นของหัวใจมาติดอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ยิน

วินาทีนั้น…มามี้ตกใจมากกกกก คิดว่า มัวแต่คุยกันหนุกหนาน ไม่มีใคร monitor ลูก … ตอนนี้ลูกหัวใจไม่เต้นแล้วรึ???

แต่แล้ว หมอก็เลื่อนไปมา ก็ได้ยินหัวใจอีกครั้ง (เฮ้อ…โล่ง)

แล้วคุณหมอก็ดึงขาหยั่งออกมา พยาบาลก็จับท่าให้นั่ง

รวดเร็วจนมามี้งงมาก…นี่จะคลอดเดี๋ยวนี้แล้วจริงๆหรือนี่?

คุณหมอสั่งให้แด๊ดดี้ใส่ชุดผ่าตัด เหมือนคุณหมอ บอกให้แด๊ดดี้ทำคลอดเองเลย (โห…)

แล้วคุณหมอก็บอกว่า คงเบ่งประมาณ 20 นาที

แล้วพยาบาลก็เอาหน้ากากออกซิเจนมาให้ใส่

คุณหมอจับขาหนึ่งข้าง ให้แด๊ดดี้จับอีกข้าง

แล้วคุณหมอก็บอกว่า สูดหายใจ…เบ่งๆๆๆๆๆ

แด๊ดก็บอกว่า เห็นหัวแล้ว ผมเต็มเลย

เบ่งแบบนี้อีกสามสี่ครั้ง…แด๊ดดี้ก็บอกว่า หัวออกมาแล้ว

มามี้ก็ถามว่า “เบ่งอีกมั๊ยๆๆๆ” ไม่มีคนตอบ

แล้วแด๊ดก็บอกว่า “ออกมาทั้งตัวแล้ว พอหัวออกมา ซักพักตัวก็ไหลตามออกมา” (ง่ายดีจังแฮะ)

หมอให้แด๊ดเป็นคนเอามือไปรับลูกที่กำลังออกมาเองเลย ออกมาซักหนึ่งวิ มามี้ก็ได้ยินเสียงร้อง ดังมากกกก

แด๊ดดี้ฮีโร่ อุ้มลูกชูขึ้น แล้ววางบนมามี้

เบ็ดเสร็จคลอดภายใน 1 contraction ซึ่งหมอนับเป็น one push (สำหรับมามี้ก็ซัก 5 pushes)

5 นาทีเท่านั้น

7:43 น.

เหลือบมองหน้าต่าง รพ.นี้เปิดม่านให้เห็นท้องฟ้าสดใส สีฟ้าอ่อนๆยามเช้า สวยงามเป็นที่สุด

สมกับชื่อ ฟ้าใส ที่คุณปู่ตั้งให้ เพราะเกิดในช่วงที่ท้องฟ้าสดใส ทั้งในแง่ฤดูกาล และในแง่ชีวิตครอบครัว

ที่สมบูรณ์มีความสุขสดใสทุกด้าน

ชื่อ Annabella เป็นชื่อที่ทั้่งแด๊ดดี้มามี้เห็นแล้วคิดว่าน่ารักและเพราะ ใครๆก็บอกว่าเป็นชื่อที่เพราะและสวยงาม

ชื่อ Hope เป็นชื่อที่พี่ชายจอนจอนตั้งให้ สมัยยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร และก็เรียกน้องอย่างนี้มาตลอด

ชื่อ ฟ้าใส เป็นชื่อไทย โดยสะกดภาษาอังกฤษว่า Fa-Psi

Fa คือ ตัวโน้ตดนตรีตัวที่ 4 เพราะเกิดวันที่ 4

Psi เป็น math symbol ψ หวังว่า ฟ้าใส จะสนใจ ชอบ math เหมือนแด๊ดดี้และมามี้

Py มาจาก Python programming language เพราะแด๊ดกับมะเจอกันเพราะเป็นวิศวะคอมพ์ทั้งคู่ และชอบเขียนโปรแกรมด้วยกันเป็นที่สุด
& Pi math symbol

;

Beaches Monterey aquarium and santa Cruz.
IKEA Costco mitsuwa mj dance balance ball curry tom yum loads of pineapple galloping intercourse
Stanford shopping center east ridge jcpenney etc.

This entry was posted in Blog ภาษาไทย. Bookmark the permalink.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *